รีวิว iphone 14 pro

รีวิว iphone 14 pro สมาร์ทโฟนแห่งยุคที่คนทั้งโลกรอคอย ยังคงมาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยมระดับพรีเมียม เพิ่มลูกเล่นให้กับหน้าจอแบบเจาะรูที่ไม่ธรรมดา แถมมีชื่อเรียกเฉพาะว่า Dynamic Island ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายที่ทำให้หลายคนคลั่งไคล้หน้าจอ Super Retina XDR ที่สว่างและคมชัด ชิปประมวลผล A16 Bionic จึงทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยความสามารถของกล้องขั้นสูง

รีวิว iphone 14 pro รูปลักษณ์ภายนอก

รีวิว iphone 14 pro รอบตัวเครื่อง iPhone 14 Pro Max มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ ในซีรีส์ โดยออกแบบเป็นขอบสี่เหลี่ยม ด้วยขนาด 160.8 × 78.1 × 7.65 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 238 กรัม ถือว่ามีขนาดใหญ่ และน้ำหนักพอสมควร ใครมือเล็ก อาจจะจับไม่ถนัด iPhone 14 Pro ขนาด 71.5 x 147.5 x 7.85 มม. หนัก 206 กรัม ผู้หญิงยังคงจับถนัดมือ ขณะที่ iPhone 14 Pro Max ซึ่งใหญ่ที่สุดในรุ่น 77.6 x 160.7 x 7.85 มม. และหนัก 240 กรัม เทียบให้เห็นความแตกต่างชัดเจน น้ำหนักค่อนข้างมาก ใครมือเล็กอาจรู้สึกว่าถือมือเดียวไม่สะดวก หน้าจอแสดงผลของทั้งสองรุ่นเป็นแผง Super Retina XDR OLED เช่นกัน แต่มีความกว้างต่างกัน iPhone 14 Pro มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532×1170 พิกเซล iPhone 14 Pro Max มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซล 460ppi ส่วนบนของหน้าจอในรอบนี้ไม่ได้ใช้การออกแบบรอยบากแบบ Notch เหมือนเดิม แต่มาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูที่ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ ฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Dynamic Island” นี้บรรจุกล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP พร้อมเซ็นเซอร์ที่เปิดใช้งาน FaceID พร้อมด้วยลำโพงสเตอริโอและไมโครโฟนในตัว ด้านล่างหน้าจอแสดงผลไม่มีปุ่มสั่งงานใดๆ คำสั่งจะเป็นท่าทางหรือ Gesture ซึ่งใช้ท่าทางของการปัดบนหน้าจอแสดงผล เครื่องด้านบนไม่ได้ใช้งาน และมีดีไซน์ตัวเครื่องแบบเหลี่ยมขอบด้านซ้ายของตัวเครื่อง ด้านบนยังคงเป็นปุ่ม Toggle เพื่อสลับเปิด-ปิดโหมดเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ด้านล่างเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด ถาดเป็นแบบนาโนซิม 1 ช่อง ส่วนอีกซิมเป็นรูปแบบ eSIM ทางด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่มสำหรับหยุดหน้าจอแสดงผลชั่วคราว หรือกดค้างไว้เพื่อเรียกใช้ Siri บนอุปกรณ์ด้านล่าง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Lightning ใช้สำหรับชาร์จและเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ มีไมโครโฟนในตัวและลำโพงสเตอริโออีกตัว

เมนู & ฟังก์ชัน

ขนาดเครื่อง:
147.5 x 71.5 x 7.85 มม. — iPhone 14 Pro
160.7 x 77.6 x 7.85 มม. — iPhone 14 Pro Max
น้ำหนัก :
206 กรัม — iPhone 14 Pro
240 กรัม — iPhone 14 Pro Max
ระบบปฏิบัติการ: iOS 16
หน้าจอแสดงผล:
iPhone 14 Pro: Super Retina XDR OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2556 x 1179 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซล 460ppi ความสว่างสูงสุด 1200 nits อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000: 1
iPhone 14 Pro Max: Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซล 460ppi ความสว่างสูงสุด 1200 nits อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000: 1
หน่วยประมวลผล: ชิปเซ็ต Apple A16 Bionic (สถาปัตยกรรมการผลิต 4 นาโนเมตร)
ระบบเชื่อมต่อ: 5G, 4G LTE, WiFi 6, Bluetooth 5.3, NFC, GPS, GLONASS, เข็มทิศดิจิตอล
มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP68
รองรับการชาร์จแบบไร้สาย 15W MagSafe และ 7.5W Qi
รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วและต้องซื้ออะแดปเตอร์แยกต่างหาก
กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมแฟลช
กล้องหลัก ความละเอียด 48MP รูรับแสง 1.78 ชุดเลนส์ 7 ชิ้น
เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา ชุดเลนส์ 6 ชิ้น
เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.78
เซ็นเซอร์ LiDAR
ซูมเข้าแบบออปติคัล 3x, ซูมออกแบบออปติคัล 2x, ช่วงซูมออปติคัล 6x และซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 15x
กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.9
รองรับวิดีโอ: HEVC, H.264, MPEG-4 Part 2 และ Motion JPEG
เวลาใบหน้า : ความละเอียดสูงสุด FullHD (1080p)
ความจุภายใน 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB

จุดเด่นน่าสนใจ

ดีไซน์ขอบเหลี่ยม วัสดุแข็งแรง

หากคุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ที่มีมือค่อนข้างเล็ก iPhone 14 Pro จะมีขนาดตัวเครื่องที่คุ้นเคยและจับถนัดมือกว่า iPhone 14 Pro Max ที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ใช้งานมือเดียวลำบาก ส่วนวัสดุของตัวเครื่องทั้ง iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จะใช้แบบเดียวกัน นั่นคือ อะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ แต่โครงเครื่องเสริมด้วยสแตนเลสเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือแพทย์ศัลยกรรม ดังนั้นจึงทนทานกว่า มาพร้อมมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) รอบนี้มีให้เลือก 4 เฉดสี ได้แก่ Deep Purple (รีวิว iPhone 14 Pro Max), Space Black (รีวิว iPhone 14 Pro), สีทองและสีเงิน

จอภาพ Super Retina XDR ที่สว่างขึ้น

จอแสดงผลของ iPhone 14 Series ยังคงเป็นแผง Super Retina XDR OLED iPhone 14 Pro มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2556 x 1179 พิกเซล ขณะที่ iPhone 14 Pro Max มีขนาดใหญ่กว่า 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซล ด้วยจอภาพ Super Retina XDR ที่เพิ่มความสว่างสูงสุดถึง 2,000 nits เพื่อการมองเห็นที่ดีขึ้นแม้อยู่กลางแจ้ง และยังคงมาพร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่สามารถปรับอัตราการรีเฟรชได้ตั้งแต่ 10 ถึง 120 ครั้งต่อวินาที ทำให้การแสดงผลหน้าจอลื่นไหลไม่กระตุก อัตราการรีเฟรชสามารถปรับขึ้นหรือลงได้อย่างชาญฉลาดตามความเหมาะสมของเนื้อหา เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว

Dynamic Island คุณสมบัติใหม่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่

สำหรับฟีเจอร์ Dynamic Island ถือเป็นไฮไลท์เด็ดที่สร้างความประทับใจในการเปิดตัว iPhone 14 Series รอบนี้ โดยนำรอยแหว่งมาเป็นรอยเจาะตรงกลางพร้อมเพิ่มลูกเล่นเพื่อให้เป็นช่องที่มีประโยชน์ แทนที่จะเป็นรูธรรมดาที่มีเพียงกล้องหน้าและเซนเซอร์ เป็นการออกแบบระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อปรับการทำงานแบบเรียลไทม์ สามารถแสดงข้อมูลได้เร็วและชัดเจนขึ้น เช่น การแจ้งเตือน การควบคุมเพลง การแสดงทิศทางของแผนที่แบบย่อ สามารถใช้และควบคุมพื้นที่เจาะบนหน้าจอได้อย่างสะดวกรวดเร็ว กดหนึ่งครั้งหรือกดท่าทางสัมผัสค้างไว้ ฟีเจอร์ Dynamic Island จะมีเฉพาะในรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เท่านั้น

ชิปเซ็ต A16 Bionic

รอบนี้ iPhone 14 Series ไม่รวมชิปเซ็ตใหม่ทุกรุ่น โดยมี iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เพียง 2 รุ่นที่ใช้ขุมพลังใหม่ Apple A16 Bionic เทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตร พร้อมประสิทธิภาพของ CPU สูงสุด 6 คอร์ ประกอบด้วย 2 คอร์ CPU ประสิทธิภาพสูง 4 คอร์ CPU ประหยัดพลังงาน 5 คอร์ การประมวลผล GPU มีแบนด์วิธเพิ่มขึ้น 50% ทำให้ทุกแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราบรื่นยิ่งขึ้น ไม่สะดุด และ Neural Engine แบบ 16 คอร์ใหม่ที่ประมวลผลเกือบ 17 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาทีเร็วกว่าชิปเซ็ตดั้งเดิม แต่ประหยัดพลังงานมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับ Apple A15 Bionic

การตรวจจับการชนฉุกเฉิน

iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีคุณสมบัติอื่นที่จะช่วยคุณในกรณีฉุกเฉินในกรณีที่เกิดการชนกันอย่างรุนแรง และจะโทรหาบริการฉุกเฉิน พร้อมกับแจ้งเตือนผู้อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉินของอุปกรณ์ที่คุณตั้งไว้ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ด้วยการตรวจจับผ่านเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น การตรวจจับการเคลื่อนไหวของแรง g สูงแบบใหม่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วอย่างกะทันหัน ไจโรสโคปช่วงไดนามิกสูงจะตรวจสอบยานพาหนะเพื่อหาทิศทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หรือแม้กระทั่งไมโครโฟนที่ตรวจจับเสียงดังที่เกิดจากการชน เป็นต้น

ระบบสแกนใบหน้า FaceID

ระบบความปลอดภัยไบโอเมตริกซ์ของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จะเป็นการสแกนใบหน้าที่เรียกว่า FaceID ซึ่งอยู่ใน iPhone 13 series แต่จะเพิ่มความแม่นยำของระบบ iOS มีความแม่นยำสูง และเซ็นเซอร์ TrueDepth รองรับการสแกนใบหน้าที่แม่นยำ แม้ในที่มืดหรือสวมหน้ากากอนามัย เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ยังไม่หมดไปในปัจจุบัน

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของ iPhone 14 Pro ใช้งานได้นานขึ้น หากไม่ได้ใช้งานหนักอย่างการสตรีม เล่นเกม หรือถ่ายภาพแบบความละเอียดสูงก็อยู่ได้ทั้งวัน รองรับการเล่นวิดีโอสูงสุด 29 ชั่วโมงบน iPhone 14 Pro Max และสูงสุด 23 ชั่วโมงบน iPhone 14 Pro รองรับการชาร์จแบบไร้สาย MagSafe สูงสุด 15W การชาร์จแบบไร้สาย Qi สูงสุด 7.5W และการชาร์จแบบเร็วสูงสุด 50 % ในเวลาประมาณ 30 นาที11 ด้วยอะแดปเตอร์ 20W หรือสูงกว่า ซื้อแยกต่างหาก ไม่รวมในกล่อง

Pro iPhone กับกล้องระดับโปร

ถือเป็นการพัฒนาระบบกล้องที่จริงจังมากขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกล้องหลัก 48MP แบบใหม่หมดพร้อมเซ็นเซอร์ Quad-pixel ขั้นสูง iPhone 13 Pro ที่เซ็นเซอร์ใหม่รวมสี่พิกเซลเป็นสี่พิกเซลขนาดใหญ่หนึ่งพิกเซล สามารถรับแสงได้มากขึ้นถึง 4 เท่า จึงสามารถเก็บความคมชัดของภาพได้มากขึ้น โดยการถ่ายภาพปกตินั้นยังคงให้ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 12 เมกะพิกเซล แต่หากต้องการความละเอียดของภาพที่สูงขึ้นที่ 48 เมกะพิกเซล

บทความแนะนำ

» รีวิว ipad gen 10

» รีวิว vivo y22